[OS-End] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk
ผู้เข้าชมรวม
376
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[OS] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk
2/2 #END
กริ๊ง!!
เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณของการมีลูกค้าเข้าร้าน ใบหน้าเล็กโผล่ขึ้นมาจากการก้มหาของในลิ้นชักทันทีที่ได้ยิน พลันรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นมาเพื่อตอนรับคนที่มาใหม่
จะว่าไปก็ลูกค้าคนเดิมของเมื่อวานนั่นแหล่ะ
“สวัสดีครับ วันนี้รับอะไรดีครับ?” บาริสต้าตัวเล็กส่งเสียงร้องถามคนตัวสูงที่ยืนทำท่าเงอะงะอยู่ตรงประตูทางเข้าร้าน บ่ายแก่ๆแบบนี้ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้านมากนักเพราะเป็นเวลาที่ร้านเพิ่งจะเปิด ทำให้การพูดคุยด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาหน่อยไม่ใช่ปัญหา
“เอสเพรสโซ่เย็นครับ อ่า.. ผมขอไปนั่งที่เดิมนะฮะ”
“คุณลูกค้าจะนั่งตรงไหนก็ได้ตามสบายเลยครับ ฮะๆ เมื่อวานคุณก็ถามแบบนี้นะ” บาริสต้าตัวน้อยตอบเขาปนขำเล็กๆ จุนฮเวจำคนๆนี้ได้ว่าเป็นคนที่เอ่ยทักเขาเมื่อตอนครั้งแรกที่มา ใบหน้าจิ้มลิ้มกับไฝใต้นั้นน่ะช่างเป็นเอกลักษณ์เหลือเกิน จุนฮเวยิ้มแหยๆกลับไปเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งในวันก่อน เขามาในเวลาที่ร้านเพิ่งจะเปิดเหมือนทีแรกเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเลยนอกจากเขาคนเดียว
‘แล้วพนักงานแพนเค้กคนนั้นไปไหนนะ?’
‘สาบานเถอะว่ามากินกาแฟ?’
เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ‘กู จุนฮเว’ ก็ส่ายหน้าน้อยๆให้กับตัวเอง เขาแค่อยากจะมาขอบคุณหรอกนะที่ทำแพนเค้กให้เขา แถมฟรีเสียด้วย เขารบเร้าเพื่อจะจ่ายเงินให้อยู่นานแต่ร่างเพรียวนั้นก็ปฏิเสธลูกเดียวและบอกให้เขาจ่ายเพียงค่ากาแฟ ไม่กลัวขาดทุนหรือยังไงกัน?
กริ๊ง!!
“พี่จินฮวานนนนนนนนนนนน”
เสียงเล็กอันคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งประตู ขายาวที่เพิ่งจะก้าวถึงโต๊ะตัวที่ต้องการจะนั่งหยุดชะงักทันทีแล้วหมุนตัวไปยังทิศทางประตูตามสัญชาตญาณในทันที
“คุณ! / คุณ!”
…
เอสเพรสโซ่รสเข้มถูกวางลงตรงหน้าร่างสูงที่ก้มหน้าอ่านนิตยสารแฟชั่นในมืออยู่ หางตาเหลือบไปเห็นเงาคนที่ใกล้เข้ามาทำให้ต้องละสายตาจากตัวหนังสือแล้วพับเก็บมันลงไป เพื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายได้เลยนะครับ” จุนฮเวอยากจะทึ้งหัวตัวเองซักสองสามทีเพื่อเรียกสติ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเขาถึงมีอาการแปลกๆแบบนี้ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มจากคนๆนี้
คนที่ทำแพนเค้กให้เขานั่นไง
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ดงฮยอก?
ก่อนที่ร่างบางจะเดินห่างจากเขาไปมากกว่านี้ ไหนๆตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้าน คนตรงหน้าอาจจะยังพอมีเวลาว่างอยู่บ้าง จุนฮเวจึงไม่รีรอที่จะเรียกเอาไว้
“เอ่อ คุณครับ อย่าเพิ่ง ป.. ไป!” ร้องเรียกเสียงหลงเพื่อที่จะรั้งตัวอีกคนเอาไว้ และมันก็ได้ผล ดงฮยอกหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขาพลางเอียงคอลงเล็กน้อยเชิงสงสัยว่าเรียกตนหรือเปล่ายังไงยังงั้น
“อ่า ผมเรียกคุณนั่นแหล่ะครับ เอ่อ พอจะมีเวลาคุยกับผมซักครู่มั้ยครับ?”
เมื่อแน่ใจว่ายังไงก็ใช่ตัวเองแน่ๆที่ถูกเรียก ดงฮยอกจึงไม่ลังเลที่จะพยักหน้าตอบกลับไป รอยยิ้มแห่งความเคอะเขินถูกแย้มออกมาเหมือนเด็กๆ ถ้าให้เดาจริงๆดงฮยอกคิดว่าคนที่เรียกเขาก็คงมีอาการเช่นเดียวกันบ้างละมั้ง?
“มีอะไรหรือครับ?”
“เอ่อ.. อ่า..” กลายเป็นคนที่เรียกซะเองที่พูดไม่ออก
“หือ?”
“อ่า คุณจะไม่โดนว่าใช่มั้ยครับที่ผมเรียกมาคุยแบบนี้”
“อ๋า ไม่หรอกครับ ลูกค้ายังไม่มีเลย ของก็ถูกพี่จินฮวานเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่มีหน้าที่อะไรต้องทำนอกจากรอลูกค้าแล้วล่ะครับ ฮ่าๆ” คำตอบยาวเหยียดถูกส่งมาให้ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่สดใส แม้ขณะที่พูด ดวงตาสวยนั้นก็ยังหยีขึ้นเป็นรูปสระอิราวกับคนที่ยิ้มตลอดเวลา จุนฮเวแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อบ่ายเบี่ยงอาการร้อนผ่าวบนใบหน้า เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเขินคนตรงหน้าหรอกนะ แต่พอได้มานั่งคุยต่อหน้าแบบนี้ทำไมรู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูกไปหมดเสียเลย
ส่วนดงฮยอกเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดมากเกินไปก็รีบชะงักหุบยิ้มในทันที ดวงตาสวยจดจ้องไปยังคนตรงหน้าอย่างขอโทษ เขาคิดว่าตัวเองคงกำลังพูดมากเกินไป นิ้วเรียวแปะทับริมฝีปากตนเองให้หยุดขยับเหมือนอาการของเด็กเล็กๆ ก่อนจะย่นหน้าน้อยๆอย่างอายๆเพราะไม่รู้ว่าลูกค้าของเขาตรงหน้านี้กำลังคิดอะไรอยู่
ลดมือลงจากริมฝีปากก่อนจะยิ้มแห้งๆส่งไป “ขอโทษนะครับ ผมคงพูดมากไปหน่อย แหะๆ”
“ไม่เป็นไรครับ น่ารักดี”
“เอ้ะ? ค... คุณว่า อะไร นะฮะ?” ดวงฮยอกไม่มั่นใจว่าหูของเขาเพี้ยนหรือลูกค้าพูดผิดกันแน่ เขาได้ยินว่าร่างสูงนี่บอกเขาว่าน่ารักอย่างนั้นหรือ?
“อ้อ ผมหมายถึงว่า ว่า แบบว่าสนุกดีอ่ะครับ คนพูดมากๆแบบมีสีสันดีนะฮะ” ที่นี้เป็นคราวของใบหน้าหล่อคมเสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายยิ้มแห้งๆ ฝ่ามือหนาจับแก้วกาแฟขึ้นมาดูดแก้เก้อและเบนสายตามองไปทางอื่นอย่างอายๆที่เผลอหลุดพูดอะไรออกไป
“คุณหมายถึงว่าผมพูดมากเกินไปหรอครับ?” ร่างเล็กที่ยังไม่หายสงสัยเอ่ยถามขึ้น และด้วยความที่กลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดทำให้จุนฮเวที่กำลังจะรีบอธิบายโดยยังไม่ได้คลายปากจากการคาบหลอดกาแฟ ส่งผลให้ตัวเขานั้นถึงกับสำลักกาแฟออกมา
“แค่ก แค่ะ มะ ใช่นะ แค่กๆ”
“โอ๊ะ คุณ คุณ ใจเย็นๆนะครับ ทิชชู่ๆๆ” มือสวยคว้าเอาทิชชู่แล้วส่งให้ร่างสูง จุนฮเวรีบคว้ามาเช็ดที่มุมปากแล้วก้มไอใส่ในทิชชู่อีกสองสามรอบแล้วรีบเงยขึ้นมามองอีกคนด้วยสายตาตกใจขีดสุด
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ!! แบบผมหมายถึงว่าคนพูดเยอะๆพูดมากๆมันทำให้ไม่เหงาดี แบบน่ารักดีอ่ะครับ อยู่ด้วยแล้วมีความสุขดีแบบนี้ คือไม่ได้ว่านะ ไม่ได้ว่าจริงๆ!”
สีหน้าตื่นตระหนก บวกกับท่าทางเงอะงะลนลานทำให้ดงฮยอกรู้สึกขำ ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะอาการของจุนฮเวเมื่อกี้มันน่าตลกจริงๆ
“ครับๆโอเคครับ เชื่อแล้วๆ แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณสำลักกาแฟเลย”
เมื่อบอกออกมาแบบนั้นแล้ว จุนฮเวค่อยคลายสีหน้ากังวลลงไปหน่อย แล้วก็ยิ้มแห้งๆสไตล์เจ้าตัวส่งไปอีกครั้ง มือหน้ายกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองน้อยก่อนจะจิ๊ปากเบาๆอย่างขัดใจในตัวเองที่เกือบทำให้บาริสต้าแพนเค้กเข้าใจผิดไปเสียแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมากกว่าต้องขอโทษ แบบผมเป็นคนพูดอะไรไม่ค่อยจะรู้เรื่องนะฮะ”
ความเงียบเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อทั้งคู่ไม่รู้จะพูดอะไร จุนฮเวกัดริมฝีปากชั่งใจว่าจะชวนคุยอย่างไรดี ในขณะที่ดงฮยอกก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเหมือนกัน สลับกันมองเสี้ยวหน้าของอีกคนเป็นพักๆไปมาก่อนจะโผล่งขึ้นพร้อมๆกันจนชวนให้แปลกใจ
“คุณชื่ออะไรหรอครับ? / คุณชื่ออะไรฮะ?”
ประโยคแรกเป็นดงฮยอกและประโยคที่สองเป็นของจุนฮเว ทั้งคู่เบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจที่พูดพร้อมกันอีกแล้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยกันทั้งคู่
“ผมคิม ดงฮยอกครับ” จุนฮเวเดาไม่ผิดจริงๆด้วย เพราะเมื่อวานเหมือนจะได้ยินผ่านๆหูมาอยู่
“กู จุนฮเวครับ”
“อ่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณกู จุนฮเว”
“จริงๆเรียกผมว่าจุนเน่ก็ได้ฮะ มันเป็นชื่อที่ครอบครัวผมจะเรียกผมแบบนั้น เพื่อนๆด้วยน่ะครับ”
อ้อมแอ้มบอกอีกฝ่ายไป ดงฮยอกพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา
“งั้นขออนุญาตเรียกว่าคุณจุนเน่นะครับ”
“ไม่ต้องมีคุณก็ได้นะ ฮะๆ”
“อ๋า… ฮ่าๆๆ” ระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้จุนฮเวและดงฮยอกต่างคนต่างรู้สึกอยากจะยิ้ม อยากจะหัวเราะให้กันเมื่อได้มานั่งคุยอยู่แบบนี้
“ขอบคุณมากนะครับสำหรับแพนเค้กในวันนั้น ผมรู้สึกดีขึ้นมากๆเลย” ดงฮยอกยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะตอบไปบ้าง
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ วันนั้นผมเห็นคุณสีหน้าเครียดๆเลยเป็นห่วงน่ะ”
จุนฮเวเงยหน้ามองอีกฝ่ายในทันทีที่ได้ยินคำว่าเป็นห่วง ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มไปเสมองที่แก้วกาแฟเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก เขาเองไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเขินน่ะ แมนๆแบบนี้จะมาเขินก่อนได้ยังไงกัน
ส่วนฝ่ายดงฮยอกนั้นได้อายม้วนกับคำพูดตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมเพิ่งตกงานน่ะฮะ วันนั้นเพิ่งโดนไล่ออกจากงานหมาดๆเลย ก็เลยเฟลๆนิดหน่อยน่ะ” ใบหน้าที่ผ่อนคลายอยู่ดีๆของจุนฮเวก่อนเริ่มจะเข้าสู่โหมดเครียดอีกครั้ง หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยบ่งบอกว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เครียดอยู่มากพอตัว ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด ร่างเล็กที่มองดูอยู่อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้มันต้องเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับร่างสูงมากแน่ๆถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น
ช่วงเศรษฐกิจติดขัดแบบนี้ การหางานทำเป็นอะไรที่ยากมาก น้อยที่จะรับสมัครคนทำงานในช่วงนี้ ตัวเขาก็เช่นกัน หากไม่ติดว่าร้านนี้เป็นของพี่ชายเขาเองเขาก็คงไม่ได้มีงานทำ มีเงินใช้อยู่นี่หรอก
แล้วคนนี้ล่ะจะทำยังไงต่อไป ?
… นั่นคือความคิดของดงฮยอก
ในขณะที่หัวกำลังครุ่นคิดอะไรเกี่ยวกับร่างสูงอยู่ จู่ๆเสียงทุ้มแปร่งๆที่คุ้นหูมากก็ดังขึ้นจากทางตำแหน่งเคาท์เตอร์
“ไอ้ดง แกอู้หรอ!!”
เป็นเสียงไอ้พี่ฮันบินเองที่เรียกเขา ดงฮยอกหันมาส่งสายตาค้อนใส่คนที่เป็นได้ชื่อว่าเป็นพี่ชาย เสียงตะโกนร้องของฮันบินค่อนข้างจะดัง ดงฮยอกเกรงว่าจุนฮเวจะตกใจและคิดว่าคนในนี้เป็นพวกไม่มีมารยาท แต่ก็ได้หลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่า คนตัวเล็กๆที่เดินตามออกมาจากประตูเข้าหลังร้านนั้นได้บิดเข้าที่เอวของพี่ชายของเขา คาดว่าจะเต็มแรง
คนนั้นน่ะ ‘คิม จินฮวาน’ แฟนของ ‘คิม ฮันบิน’ นั่นแหล่ะ
“ฮันบินจะเสียงดังทำไม ไม่เห็นหรือไงว่ามีลูกค้า นี่แหน่ะๆ”
“โอ้ยๆๆๆ ขอโทษๆ ไม่รู้ว่ามีลูกค้า”
จุนฮเวมองไปทางต้นเสียงที่ทะเลาะกันอยู่ตรงเคาท์เตอร์ด้านในร้าน เขาไม่ได้รำคาญเลย กลับกันเขาคิดว่ามันดูมีสีสันดีที่พนักงานในร้านหยอกกันเองแบบนี้
จังหวะที่จุนฮเวหันไปมองก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮันบินหันมาหมายจะขอโทษลูกค้าที่นั่งอยู่
“เห้ย!! / เห้ย!!”
“ไอ้เน่!! / ไอ้บิน!!”
…
ดงฮยอกขอตัวออกมาเพื่อเปลี่ยนให้ฮันบินไปนั่งคุยกับจุนฮเวแทน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ฮันบินถูกย้ายไปเรียนที่ออสเตรเลียตอนช่วงมัธยมต้น จนเมื่อมัธยมปลายก็กลับมาเรียนที่เกาหลีอีกครั้งแต่คนละห้องกับจุนฮเว แต่มันไม่ได้ทำให้สายสัมพันธ์เพื่อนระหว่างเขาจบลง ทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากเหมือนเดิม จนเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัยที่ทั้งสองเข้าได้คนละแห่งทำให้ต้องแยกย้ายกันไปเรียน ภารกิจของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งค่อนข้างรัดตัวเลยทำให้ไม่ได้เจอกัน ล่วงเลยมาปีที่สองก็ห่างๆกันไปบ้าง ก็เพิ่งจะกลับมาเจอกันจังๆก็ตอนนี้แหล่ะ
จุนฮเวและฮันบินนั่งคุยกันไปสัพเพเหระ ถามสารทุกข์สุกดิบไปตามประสาคนไม่ได้เจอกัน พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดี ด้วยความที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็กๆทำให้พวกเขามีเรื่องเล่าให้กันฟังมากมายในช่วงที่ห่างกันออกไป และนั่นก็ทำให้ฮันบินรู้ว่าเพื่อนของเขากำลังลำบาก
“มึงมาทำงานกับกูมั้ย?”
“ได้หรอวะ?”
“เอ้า! ไอ้นี่ ได้ดิ เพื่อนกูทั้งคน เดี๋ยวกูให้เงินเดือนมึงเท่าไอ้ดงน้องกูเลย”
“เห้ยไม่ดิมึง ฮ่าๆ ว่าแต่มึงมีน้องทำไมกูไม่รู้วะ? ตอนเด็กๆพ่อแม่มึงมีมึงคนเดียวนะ?”
“ไม่ใช่น้องแท้หรอก ลูกลุงกู มันสอบติดมหาลัยในโซลเลยต้องย้ายมาอยู่นี่ แต่ก่อนมันอยู่ปูซาน พ่อมันห่วงเลยมาฝากกูดูแล กูก็รับอาสา แล้วแฟนกูเค้าอยากเปิดร้านกาแฟเลยหุ้นกันกับกูเปิดแล้วเอามันมาทำช่วงเลิกเรียน ช่วงปิดเทอม มันจะได้รู้จักหาเงิน มีเงินใช้”
“อ๋อ…”
“ว่าแต่มึงอ่ะ ทำมั้ยที่ร้านกู? ข้าวก็กินกับกูไม่ต้องไปหากินที่อื่น ไม่ต้องเปลือง พนักงานร้านนี้กินข้าวด้วยกันประจำ”
“แล้วแบบ…แฟนมึงกับน้องมึงจะไม่ว่ากูหรอวะ?” จุนฮเวยังคงกังวลไม่หาย ที่ฮันบินเสนอน่ะเขาสนใจ แต่เขาแค่เกรงใจแฟนของเพื่อนและดงฮยอกมากกว่า กลัวจะคิดว่าเขามาอาศัยเกาะเพื่อน ในขณะที่ร่างสูงท้าวแขนกับเข่าแล้วฟุบใบหน้าลงบนฝ่ามืออย่างคนคิดไม่ตก เสียงเล็กๆใสๆที่มักจะเอ่ยทักเขาเป็นคนแรกประจำที่เข้ามาในร้าน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเป็นเพื่อนฮันบินก็เหมือนเป็นเพื่อนผมนั่นแหล่ะนะ ฮันบินคงไม่อยากเห็นเพื่อนลำบากหรอก อีกอย่างร้านก็ยังวุ่นๆนะ ยังต้องการลูกมือช่วยอีกเยอะเลย มาทำด้วยกันก็ได้นะครับ อยู่กับแบบครอบครัวสนุกดีออก นอกจากพวกเราก็ยังมีอีกสองคนที่เฮฮามาก ถ้าคุณได้เจอต้องชอบแน่ๆเลย”
จินฮวานเอ่ยบอกออกไปพลางนั่งลงข้างๆฮันบิน มือของฮันบินเลื่อนไปกุมมือเล็กๆของจินฮวานอย่างอัติโนมัติก่อนจะหันยิ้มให้ จุนฮเวเงยหน้าจากฝ่ามือตนเองขึ้นมามองเล็กน้อยถึงกับต้องเบะปากเล็กน้อยให้เพื่อนตัวเองที่มาโชว์หวานต่อหน้าเขา ก่อนจะหันไปโค้งหัวให้จินฮวานอย่างขอบคุณ
“สรุปว่าทำนะ มึงไม่ต้องพูดมาก อยากจะเริ่มงานวันไหนก็มา มาแล้วก็นู้น เดินไปหาไอ้ดงให้มันสอนงานมึงนู้น” ฮันบินสรุปเองเออเองพร้อมกับโบ้ยปากไปทางดงฮยอกที่กำลังขะมักเขม้นในการถูพื้นทำความสะอาดร้าน และเหมือนเจ้าตัวเองจะรู้ตัวว่าถูกมองเลยหันหน้ามาสบตาผู้เป็นพี่ชายพลางแลบลิ้นใส่ ทำให้อีกสามชีวิตที่นั่งอยู่บนโต๊ะถึงกับหัวเราะขำขัน จินฮวานขอตัวเพื่อไปต้อนรับลูกค้าเพราะเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาร้านแล้ว ฮันบินเองก็ขอตัวไปเชควัตถุดิบว่าต้องเอาอะไรมาเตรียมไว้เพิ่ม ส่วนดงฮยอกก็เปลี่ยนตำแหน่งมาทำความสะอาดบริเวณใกล้ๆโต๊ะของเขาที่ยังไม่มีคนมานั่ง
“ผมจะมาทำงานที่นี่ด้วยนะ”
“ห๊ะ จริงหรอครับ?????” ร่างเพรียวหยุดชะงักสิ่งที่ทำอยู่ในทันทีแล้วหันมาสบตาเขา ใบหน้าเล็กแสดงสีหน้าตกใจปนดีใจ แววตาสวยส่อประกายแสดงความยินดีกับร่างสูงอย่างปิดไม่มิด
“ฮะๆ จริงครับ ฮันบินน่ะรับผมเข้า”
“อ๋อ ดีเลยครับ” ดงฮยอกยิ้มให้ร่างสูงอีกครั้ง กี่รอบกันที่คนนี้ส่งยิ้มให้เขา แม้จะหลายครั้งแล้วแต่จุนฮเวยังไม่ชินเสียทีกับอาการใจเต้น สติหลุดที่เป็นอยู่ เขารู้สึกแปลกใจที่อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร ทั้งชีวิตก็เคยเจอคนยิ้มให้มามากมาย แต่ทำไมกับดงฮยอกคนนี้ถึงรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น?
รอมาเป็นพนักงานร้านนี้ก่อนเถอะจะหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมใจชอบเต้นแรง
เต้นแรงกับแค่ดงฮยอกคนเดียวด้วย ?
หลังจากที่นั่งทานกาแฟไปจนหมดและจ่ายเงินเรียบร้อย จุนฮเวบอกกับฮันบินว่าอีกสองวันจะเข้ามาทำงาน เนื่องจากพรุ่งนี้กับมะรืนเขามีกิจกรรมของมหาลัย เมื่อตกลงกันเสร็จฮันบินตบบ่าเพื่อนเบาๆก่อนจะเข้าผลุบเข้าไปหลังร้านกับจินฮวาน เหลือเพียงดงฮยอกที่ยืนอยู่ เพียงเคาท์เตอร์ทำกาแฟเท่านั้นที่กั้นระยะห่างของทั้งคู่เอาไว้
ร่างเล็กกว่าส่งยิ้มให้คนตัวสูง เช่นเดียวกับที่คนตัวสูงก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน ริมฝีปากหนาเอ่ยคำขอบคุณออกมาเบาๆให้ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น
“ขอบคุณนะครับที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น”
พยักหน้าเบาๆก่อนจะตอบกลับคนตัวสูงออกไปให้ได้ยินแค่สองคนเช่นกัน ..
“ฉันเต็มใจทำให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนายแล้ว จุนเน่”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปจากคนตัวเล็กที่ใช้พูดกับเขาเมื่อกี้ มันไม่ได้ทำให้จุนฮเวรู้สึกแปลกใจหรือไม่ชอบใจเลยซักนิด แต่กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นไปอีกเท่าตัว มันหมายถึงการที่ต้อนรับและให้ความสนิทสนมมากขึ้นต่างหาก รอยยิ้มสวยๆแบบที่จริงใจๆนั้นทำให้จุนฮเวรู้สึกดี เช่นเดียวกับที่รอยยิ้มของจุนฮเวก็ทำให้ดงฮยอกรู้สึกอบอุ่นใจ มันอาจจะเร็วเกินไปก็ได้นะหากจะบอกว่าทั้ง จุนฮเวและดงฮยอก ต่างคนต่างถูกใจกันและกัน ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ชีวิตก็มีคนผ่านมาให้เจอมากมาย แต่กับคนตรงหน้านี้มันพิเศษไปกว่าใคร
แต่ทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไร มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งให้กันไปมาเท่านั้น หากจะให้ความรู้สึกถูกเปิดเผยออกมาคงจะต้องใช้เวลาซักพัก ความใกล้ชิดจะเป็นตัวแปรสำคัญให้เขาทั้งคู่ชัดเจนต่อกันมากยิ่งขึ้น
ทั้ง ‘เขา’ และ ‘เขา’ คิดว่าอย่างนั้นอ่ะนะ ^ ^
มันรู้สึกดีไม่น้อยเลยที่ยามเราทุกข์ใจจะมีใครซักคนที่ห่วงใยเรา
และมีไม่มากเลยที่คนหนึ่งคนจะมามีอิทธิพลให้เราอยากจะยื่นมือเข้าไปหา
เวลาเท่านั้นที่จะทำให้อะไรๆมันชัดเจน …
บางทีต้องขอบคุณการตกงานของจุนฮเวและอากาศร้อนๆในวันนั้นมากๆเลยที่ทำให้คนทั้งสองคนมาเจอกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่คาเฟ่ธรรมดาๆแห่งเดียว กาแฟแก้วเดียว ขนมแพนเค้กจานเดียว จะนำพาซึ่งความพิเศษวิ่งมาหาถึงเพียงนี้
Happy Café ก็ Happy Café สมชื่อจริงๆ ความสุขรายล้อมมากๆเมื่อก้าวเข้ามา J
…
“ก็ไม่แน่ The Happy Café อาจจะได้มีสาขาที่สองก็ได้นะ ใครจะไปรู้”
“บริหารงานโดย กู จุนฮเว และ คิม ดงฮยอก อะไรอย่างนี้ใช่มั้ยตัวเอง คิคิ”
บทสนทนาระหว่างฮันบินและจินฮวานคุยกันระหว่างที่แอบมองคนสองคนยิ้มให้กันอยู่หลังประตู
> <
THE END
Writer talk : จบแล้ว อันนี้จบจริงๆแล้ว555555555555555 ประโยคสุดท้ายบอกทีว่าบีจินไม่ได้ขี้___ใช่มั้ย อิอิ เป็นตอนต่อของอันแรกที่เขียนไปค่ะ เนื่องจากว่าไม่อยากให้มันค้างๆคาๆแบบนั้น อยากจบแบบให้จุนดงอย่างน้อยก็ได้ใกล้ชิดกันเข้ามาหน่อย แล้วค่อยทิ้งเป็นปมให้ตัวละครสานต่อกันไป ตราบใดที่จินตนาการมันไม่มีวันหมด เรื่องราวก็คงยังไม่จบไปตามจินตนาการ รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ดีเท่าตอนแรกนะ แง้ การจัดสรรเวลาไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ สมาธิไม่ค่อยมีด้วยเนื่องจากไม่สบาย แต่ก็อยากเขียนจะตายอยู่แล้วT3T เลยออกมาเท่าที่เห็นนะคะ ดีไม่ดีตรงไหนใครที่อ่านก็ติติงมาได้เลย
ก็เขียนมาให้เป็นของขวัญให้บ้าน JunDongCafe (@JunDongCafe) ขอให้บ้านนี้อยู่ชงจุนดงไปนานๆ ถ้าหากว่าiKONเดบิวต์แล้วขอให้โมเม้นบานตะไท สู้ๆนะคะ! เมดทุกคนสู้ค่ะ เราต้องสู้ไปด้วยกัน! อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เหล่าบรรดาจุนดงชิปเปอร์ไปตลอดเลยนะคะ เลิ๊ฟมากค่ะ จุ้บๆ=3=
ปล. ตรวจเช็คบทความและคำผิดไปรอบหนึ่งแล้วนะคะ แต่ด้วยความที่ไม่สบาย เบลอๆบ้าง อาจจะดูไม่ละเอียดน้า ฝากเชคอีกทีด้วยนะคะ
Story by Nov-pink (@nvbPx) [ for @JunDongCafe ]
--------------------------------------------
ฮัลโหลลลลลล จุนดงชิปเปอร์ทุกท่านนน วันนี้เมดได้รับของขวัญจากไรท์เตอร์ท่านเดิม
ที่ได้เขียนฟิคให้บ้านเราในครั้งที่แล้ว สำหรับตอนนี้จะเป็นตอนจบนะคะ
ขอคิมเม้นท์ให้ไรท์เตอร์หน่อยน๊าา เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้เราได้ฟินกันอีก
เมดต้องขอขอบคุณไรท์เตอร์มากๆเลยนะคะ
Enjoy reading นะคะ จุนดงชิปเปอร์~~~~~~
ผลงานอื่นๆ ของ JunDongZone ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ JunDongZone
ความคิดเห็น